Behind Every Madmen, There’s a Village : ชุมชน คนบ้า และกราฟฟิตี้

10

ในเมืองแต่ละเมือง ชุมชนแต่ละชุมชน ซอยแต่ละซอย จะมีผู้คนอย่างน้อยสักคนหนึ่งที่แปลกแยกจนเสมือนว่า ‘ถูกลืม’ ลองนึกดูดีๆ ซิ บางทีอาจเป็นชายผมเผ้ารุงรังที่เดินเก็บเศษขยะมาสะสมอยู่ในรถเข็นคันเก่า – สมบัติเพียงอย่างเดียวของเขา หรือไม่ก็หญิงชราอีกคนที่พูดจาเลอะเลือน สติสตังไม่สมประกอบ ผู้คนเหล่านี้คือบุคคลที่คนส่วนใหญ่ในสังคมไม่สนใจ หรือเผลอๆ ก็อาจถูกตีตรานิยามว่า​ ‘บ้า’​ (จากคนที่คิดว่าตัวเอง ‘ปกติ’) เสียด้วยซ้ำ แต่การที่คนส่วนมากเลือกมองข้ามพวกเขาไปก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของพวกเขาไม่มีอะไรน่าสนใจ เพราะอย่างน้อยทุกชีวิตที่เกิดมาบนโลกนี้ก็ล้วนมีเรื่องราวเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น

ศิลปินสตรีทอาร์ตจากอิตาลีที่รวมกลุ่มกันในชื่อ Collettivo FX เล็งเห็นความจริงข้อนี้ เมื่อฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา พวกเขาจึงริเริ่มโปรเจ็คต์ Behind Every Madmen, There’s a Village ด้วยการเดินทางไปยังเมืองแต่ละเมืองในอิตาลี หาข้อมูลด้วยการสอบถามชาวเมืองเกี่ยวกับ ‘คนบ้าแปลกประหลาดที่ถูกลืม’ (หรือ Madmen) จากนั้น เมื่อเลือกได้หนึ่งคน พวกเขาก็จะทำความรู้จักเรื่องราวของคนคนนั้น และสร้างสรรค์เป็นภาพ portrait ขนาดใหญ่ที่มีเทคนิคแตกต่างกันไปอยู่ตามพื้นที่สาธารณะต่างๆ

บุคคลคนแรกที่ Collettivo FX ได้เลือกถ่ายทอดภาพ portrait ออกมาคือ Hans Cassonetto หรือ Hans Dumpster ชายไร้บ้านที่เคยได้รับมรดกเป็นอสังหาริมทรัพย์และเงินในธนาคารก้อนโตจากแม่ของเขา แต่ว่าเขาก็ปฏิเสธไม่รับสมบัติพวกนั้น เพราะครั้งหนึ่งแม่เคยไล่เขาออกจากบ้าน และทุกวันนี้เขาก็มีเงินติดตัวแค่ไม่กี่ยูโร แต่ใครๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า Hans เป็นสุภาพบุรุษตัวจริงที่ไม่เคยร้องขอสิ่งใดจากใครเลย ส่วนอีกคนที่ Colettivo FX ได้ทำความรู้จักและถ่ายทอดออกมาเป็นภาพก็คือ Oreste ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านบนภูเขา พวกเขาเล่าว่า Oreste สามารถเดินเข้าออกบ้านโน้นบ้านนี้เพื่อไปกินอาหารเช้า ซักผ้า หรือรับจ้างทำงานจิปาถะ เขาไปร่วมงานแต่งงานของคนในหมู่บ้านทุกงานไม่เคยขาด และก็ไม่ลืมที่จะเอาดอกกุหลาบไปให้บ่าวสาวด้วยทุกครั้ง

ยังมี Dog Man หรือ Cane Uomo ที่อยู่ในตำนานอีกคน เขามาปรากฎตัวในหมู่บ้านช่วงปี 1930s ไม่นานหลังจากนักฟิสิกส์ชื่อดังนามว่า Ettore Majorano ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ ชาวบ้านลือกันว่า Dog Man นี่แหละที่คือ นักฟิสิกส์คนนั้น เพราะเขาใช้ไม้เท้าที่มีตัวอักษรย่อสลักไว้ว่า EM และเวลานักเรียนไปถามคำถามวิทยาศาสตร์ยากๆ กับเขา เขาก็ยังตอบได้หมด แต่ที่มาของชื่อ Dog Man นั้นได้มาจากการที่เขาดูแลหมาจรจัดหลายตัวในเมือง

กระบวนการที่น่าสนใจที่สุดของโปรเจ็กต์นี้ก็คือ หลังจากวาดภาพของ Madmen ลงไปบนผนังอาคารแล้ว ชาวบ้านก็มักจะมาจับกลุ่มกันดูและพูดถึง Madmen นั้นๆ ชาวบ้านส่วนใหญ่รู้จักคุ้นเคยกับ Madmen ในหมู่บ้านของเขาเป็นอย่างดี ต่างก็ตรงที่บางคนแค่เห็นอยู่ทุกวัน บางคนเคยคุย บางคนบอกว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดี ตรงนี้เองคือหัวใจของ Behind Every Madmen, There’s a Village นั่นคือ แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ชุมชนมีผลต่อ Madmen รวมทั้งให้ Madmen เป็นตัวสะท้อนชุมชนอีกด้วย นับเป็นโปรเจ็กต์ที่เปิดโอกาสให้เราเรียนรู้เกี่ยวกับมนุษย์เพื่อนร่วมโลกได้อย่างสร้างสรรค์และเท่มากๆ

2016-01-31-1454282860-2264698-brooklynstreetartcollettivofxHANSbolzanoitaly0116web-thumb 2016-01-31-1454283111-6153746-brooklynstreetartcollettivofxorestepalaganoitaly0116web-thumb 2016-01-31-1454283149-2621675-brooklynstreetartcollettivofxsanfrancescoromaitaly0116web-thumb 2016-01-31-1454283208-2961928-brooklynstreetartcollettivofxmesserraimondocastiglioneitaly0116web-thumb 2016-01-31-1454283263-9576639-brooklynstreetartcollettivofxcotignolaitaly0116web-thumb 2016-01-31-1454283302-2567980-brooklynstreetartcollettivofxchiarenzamessinaitaly0116web-thumb 2016-01-31-1454283407-5152812-brooklynstreetartcollettivofxbepsgrassanoitaly0116web-thumb 2016-01-31-1454284215-530924-brooklynstreetartcollettivofxluomocanemazaradelvalleitaly0116web-thumb2016-01-31-1454284251-1201930-brooklynstreetartcollettivofxgenesismantovaitaly0116web-thumbอ้างอิง: Huffington Post