Fake Storefronts: ไอร์แลนด์ฮึดสู้เศรษฐกิจทรุดด้วยภาพลวงตา

ใครที่ติดตามข่าวเศรษฐกิจรอบโลกอยู่ประจำ คงทราบดีว่าหลายปีหลังมานี่ ประเทศเล็กๆ ทางฝั่งยุโรปหลายประเทศ เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยชนิดล้มไม่เป็นท่า และดูน่าจะใช้เวลาอีกยาวนานทีเดียวกว่าจะฟื้นตัว  ไอร์แลนด์เหนือก็เป็นหนึ่งในประเทศที่โดนวิกฤตหนี้สินและการล้มละลายของระบบธนาคารเล่นงานอย่างหนักตั้งแต่ปี  2008 เป็นต้นมา ทว่าในปี  2013 นี้ ไอร์แลนด์ต้องรับบทบาทเป็นเจ้าภาพในการประชุม G8 ดังนั้นจึงเป็นโจทย์อันท้าทายในการต้อนรับผู้นำจากทั่วโลกที่กำลังจับตามองไอร์แลนด์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ภาพลักษณ์ของประเทศจึงต้องออกมาดูดีน่าเชื่อถือที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

บรรยาอากาศอันซบเซา และยับเยินจากเศรษฐกิจมีให้เห็นอยู่ทั่ว โดยเฉพาะประเทศเล็กๆ เช่นนี้ ทั้งย่านการค้า ร้านรวง และตึกอันร้างไร้ผู้คนจากภาวะการว่างงาน เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลจึงระดมสมองกันเต็มที่ และทุ่มเงินไปกว่า 2 ล้านปอนด์ กับโปรเจ็กต์ ‘ปลุกชีวิตคืนชีวา’ ให้กับเมืองต่างๆ อย่าง Bushmills เมืองแห่งวิสกี้เลิศรส ก็ได้สนองนโยบายใช้โปรเจ็กต์สุดอาร์ต หรือเรียกกันว่า Brighter Bushmills Project ที่แตกต่างก็คือโปรเจ็กต์นี้เกิดจากความร่วมมือกันขององค์กรส่วนท้องถิ่นเป็นหลัก โดยสร้างทัศนียภาพรอบๆ ตัวเมือง จัดฉากหน้าร้านค้าและบ้านเรือนบนถนนสายหลักด้วยงานภาพสุดเนี้ยบเปี่ยมด้วยรายละเอียดที่สมจริง ซึ่งใช้ความสามารถทางกราฟิกบวกกับความคิดสร้างสรรค์ ดีไซน์เมืองแห่งความรื่นรมย์ออกมา และการหวนรำลึกถึงวันคืนเก่าๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านซ่อมร้องเท้าเก่าแก่ ร้านเบเกอรี่ที่มีขนมปังสดใหม่ เค้กหลากชนิดสีสันสดใส ร้านตัดผม ร้านหนังสือตรงมุมถนน หรือร้านขายเนื้อสัตว์ ที่หน้าร้านมีฟาร์มสัตว์และโรงนา ได้บรรยากาศแบบท้องถิ่น ในขณะที่บ้านร้างถูกทาสีใหม่ ทั้งประตูและหน้าต่างราวกับมีคนอาศัยอยู่ สิ่งเหล่านี้ล้วนสร้างความคึกคักและเรียกความสนใจจากผู้คนที่เดินผ่านไปได้เป็นอย่างดี

แม้จะดูเป็นการแก้ปัญหาอย่างฉาบฉวย แต่ Bushmills หวังผลในระยะยาว ทั้งในแง่ของการเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่คาดหวังว่าจะมีคนเดินทางมาเยือนมากขึ้นในแต่ละปี และส่งผลให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้สูง เพราะโปรเจ็กต์ที่ว่านี้ประสบความสำเร็จดีเกินคาด และ Bushmills ได้กลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงและจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจำนวนมากในปี 2013 แถมยังมีแหล่งดึงดูดใจที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกอย่าง The Giant’s Causeway  สถาปัตยกรรมทางธรรมชาติริมชายฝั่งทะเลที่เกิดจากปะทุของภูเขาไฟ ซึ่งเราเชื่อว่าพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์จะทำให้เมืองนี้และประเทศไอร์แลนซ์ผ่านพ้นวิกฤติอันสาหัสนี้ไปได้ไม่เลวนัก

อ้างอิง : Huffington Post