แม้จะเก่าไปหน่อย แต่ไอเดียของโปรเจ็กต์นี้คูลมากๆ นั่นคือเมื่อปี 2007 ทาง National Gallery ที่ลอนดอนได้นำเอาปัญหาไปปรึกษากับเอเจนซี่ The Partners ว่า เราจะทำยังไงดีที่จะโปรโมทให้คนเข้ามาชมงานศิลปะในแกลเลอรี่ในวันที่อากาศข้างนอกแดดออกฟ้าใสซะขนาดนั้น? และ The Partners ก็ให้คำตอบมาว่า ก็ถ้าคนเค้าอยากจะใช้เวลาอาบแดดตากลมกันข้างนอก (ก็แหม คนอังกฤษจะมีแดดสวยๆ ได้สักกี่วันต่อปีเชียว) เราจะไปชวนเขาเข้ามาได้ยังไงล่ะ เราต่างหากที่ต้องเอาศิลปะออกไปข้างนอก!
ว่าแล้วทาง National Gallery ก็ได้จัดทำภาพจำลองของจิตรกรรมชื่อดังที่เป็นสมบัติของแกลเลอรี่ทั้งหมด 45 ชิ้น และนำออกไปติดตั้งตามถนนหนทางต่างๆ ของลอนดอน ตั้งแต่ภาพ ‘Sunflowers’ ของ Van Gogh ที่ติดอยู่ด้านหน้าร้านกาแฟตรง Frith Street, ‘Tiger in the Tropical Strom’ ของ Henri Rousseau ติดอยู่ที่ Shaftsbury Avenue และ ‘Salome Receives the Head of John the Baptist’ อยู่ถัดจากร้าน sex shop ใน Soho โดยชิ้นงานทั้งหมดอยู่ในกรอบสวยงามและมีข้อมูลเกี่ยวกับงานศิลปะแต่ละชิ้นจัดวางไว้คู่กัน ที่สำคัญ..โลเกชั่นแต่ละที่ที่เลือกสรรมา ยังเป็นที่ที่เอื้อต่อการใช้เวลาพินิจพิเคราะห์งานแต่ละชิ้นด้วย
ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะ National Gallery ยังจัดโปรแกรมทัวร์ที่เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์และความสนใจของผู้ชมแต่ละคน ตั้งแต่ Grand Tour สำหรับคนที่มีเวลาพอจะตามไปดูงานทั้งหมด 45 ชิ้น, The Lovers Tour ที่พาไปชมภาพที่เกี่ยวกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ และ Lunchtime Tours ที่เหมาะกับคนทำงานออฟฟิศที่มีเวลาว่างแค่ช่วงพักเที่ยง ส่วนคนที่อยากออกไปตามล่าหางานอาร์ตด้วยตัวเองก็สามารถดาวน์โหลดแผนที่แบบ interactive และข้อมูลที่รับฟังผ่านหูฟังได้จากเว็บไซต์ของแกลเลอรี่ โดยตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ National Gallery ทำให้ลอนดอนกลายเป็นแกลเลอรี่เอาท์ดอร์ที่ใหญ่ที่สุด ก็มีคนเข้ามาดาวน์โหลดแผนที่ไป 24,000 ราย รวมทั้งมีคนแวะเข้ามาหยิบแผนที่ตัวจริงจากแกลเลอรี่ไป 28,000 แผ่น เรียกว่าประสบความสำเร็จอย่างสวยงามเลยล่ะ!
งานนี้นับเป็นการใช้ความคิดสร้างสรรค์สนับสนุนให้คนเข้าถึงงานศิลปะได้อย่างได้ผลดีทีเดียว ว่าแล้วก็อยากเห็นแกลเลอรี่ใหญ่ๆ ในบ้านเราลุกมาทำอะไรแหวกกฎแหกคอกแบบนี้บ้างจัง
อ้างอิง: Pop Up City
