ปลุกชีพร้านโชว์ห่วย ฟื้นเศรษฐกิจรากหญ้า

ช่วงสิ้นปีในอเมริกาจะเป็นช่วงที่มีเทศกาลหยุดยาวเยอะ ทั้งวันขอบคุณพระเจ้า วันคริสต์มาส และปีใหม่ เนื่องด้วยมีวันหยุดยาวมากมายเช่นนี้ และเป็นช่วงที่คนอเมริกันจะมอบของขวัญให้กัน ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยเกิดขึ้นอย่างคึกคัก จนเกิดวันที่เรียกว่า Black Friday โดยจะเป็นวันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งห้างร้านใหญ่ๆ จะเปิดตั้งแต่เช้า และมีเทศกาลลดราคาสิ้นค้าเพื่อแข่งกันเรียกลูกค้าเข้าร้านในวันนี้โดยเฉพาะ แม้แต่บริษัทต่างๆ ก็ยังต้องยอมให้พนักงานลาหยุดไปซื้อของกันเลย แล้วหลังจากวันนี้ร้านส่วนใหญ่ก็หยุดตามเทศกาลไป

แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดตาม Black Friday มาคือ ร้านรวงเล็กๆ ที่เป็นร้านโชว์ห่วยหรือเป็นเศรษฐกิจรากหญ้านั้นไม่สามารถสู้ห้างร้านใหญ่ๆ ที่ทำโปรโมชั่นลดราคากระหน่ำ เพราะตัวเองก็มีต้นทุนต้องแบบรับ แถมหลังจาก Black Friday ไปแล้วคนก็ไม่ออกมาจับจ่ายใช้สอยอีก เพราะเข้าช่วงหยุดยาวกัน ทางบริษัท American Express หรือที่เรียกว่า AMex ได้เล็งเห็นปัญหาตรงนี้ ก็เลยอยากช่วยร้าน SME พวกนี้ให้มีได้มีโอกาสเรียกลูกค้าเข้าร้านบ้างในช่วงเทศกาลหยุดยาว จึงจัดทำเคมเปญที่มีชื่อว่า Small Business Saturday โดยเริ่มครั้งแรกในวันเสาร์หลังวันขอบคุณพระเจ้าของปี 2010 โดยสร้างการโปรโมทกิจกรรมนี้จนประสบความสำเร็จไป แต่ในปี 2011 ที่ผ่านมา โครงการนี้ได้ขยายตัวมากไปอีก โดยทาง AMex นั้นได้ตั้งวัตถุประสงค์ที่แน่นอนของเคมเปญ Small Business Saturday ว่าจะต้องเป็นโครงการที่มีขึ้นทุกปี และต้องเป็นวันที่ทุกคนรับรู้และจดจำเหมือน Black Friday ทำให้ปี 2011 นั้น AMex ได้ทำการโปรโมทเต็มที่ โดยการใช้สื่อออนไลน์ และสร้างเครื่องมือออนไลน์เพื่อให้ร้านเล็กๆ ต่างๆ สามารถทำการโปรโมทของตัวเองได้ เช่น การสอนการทำวิดีโอโปรโมทใน Youtube การสร้างหน้า Fanpage ของร้านตัวเอง การทำหมุดปักร้านพร้อมโปรโมชั่นใน Foursquare  การทำ QR หรือออกแบบโปสเตอร์เพื่อโปรโมทหน้าร้านก็ทำให้ ผ่าน Facebook ของ Small Business Saturday

ผลที่ได้ของปี 2011 นั้นทำให้มีร้านเข้าร่วมกว่า 5,000 ร้านค้า และโครงการนี้ขยายตัวไปทั่วประเทศอเมริกา แม้แต่นักการเมือง หรือประธานาธิบดีโอบาม่ายังร่วมสนับสนุน ให้กลายเป็นวันสำคัญในปฏิทิน และกลายเป็นเทศกาลประจำที่ต้องจัดทุกปีต่อจากนี้ไป หน้า Facebook ของโครงการ Small Business นั้นมี Fan เพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้าน 7 แสนคน เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากปี 2010 และที่ประสบความสำเร็จของงานนี้คือ คนอเมริกันกว่า 100 ล้านคนนั้นออกมาซื้อของกับร้านค้าเล็กๆ และชื่อโครงการก็เปลี่ยนเป็น Small Business Saturday ให้สอดคล้องกับวันที่จัดงานประจำในทุกปี เคมเปญนี้ยังได้รับรางวัล Gran Prix จาก Cannes Lions International Festival of Creativity 2012 ครั้งที่ 59 ในหมวด Direct Lions, Promo & Activations Lions และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย

นี่เป็นตัวอย่างดีๆ ที่แบรนด์เริ่มทำอะไรดีๆ แก่สังคมแล้วสนับสนุนโครงการแบบนี้ให้มีตลอดไป ไม่ใช่แค่ทำครั้งเดียวแล้วจบแบบเคมเปญทั่วไป แถมเคมเปญนี้ยังทำให้เศรษญกิจระดับรากหญ้านั้นดีขึ้นโดยการเพิ่มการจับจ่าย ซึ่งเศรษฐกิจรากหญ้านั้นจะเป็นพื้นฐานอันแข็งแรงให่้กับเศรษฐกิจมวลรวมของชาติให้ดีขึ้นมาได้ อยากให้เคมเปญนี้เป็นตัวอย่างให้แบรนด์ไทยหันมาส่งเสริมกิจการรากหญ้าให้เศรษฐกิจไทยกลับมาแข็งแกร่งเหมือนกัน

[youtube url=”http://youtu.be/b4A4rMCqKZ4″ width=”600″ height=”335″]

 

[youtube url=”http://www.youtube.com/watch?v=NgmLC6jbxfg” width=”600″ height=”335″]