‘Look Up’ แค่เงยหน้าจากมือถือ ชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

เพราะสังคมก้มหน้าในยุคดิจิตอลกำลังเป็นที่น่าวิตก แกรี่ เทอร์ค นักเขียนและผู้กำกับภาพยนตร์สั้นชาวอังกฤษ จึงขอร่ายยาวด้วยบทกลอนประกอบวิดีโอคลิป ความยาว 5 นาทีชุด ‘Look Up’ ซึ่งแพร่สะพัดในสื่อสังคมออนไลน์ ยอดวิวกว่า 40 ล้านวิวในเวลาไม่ถึงเดือน ด้วยเนื้อหาที่ช่างเสียดแทงใจชาวโซเชียลแบบแสบสันต์แต่ซาบซึ้ง ดังนี้

ผมมีเพื่อน 422 คน แต่ก็ยังเหงา ผมคุยกับพวกเขาอยู่ทุกวันแต่ไม่ใครรู้จักผมจริง ปัญหาคือผมจะเลือกสบตาพวกเขาหรือจ้องแค่ชื่อบนจอสกรีน ผมถอยกลับแล้วเปิดตามอง จึงตระหนักว่าสื่อที่เราเรียกว่า ‘โซเชียล’ แท้จริงแล้วไม่มีอะไรเลย”

คอมพิวเตอร์เราเปิดแต่ประตูเราปิด  เทคโนโลยีนั่นหรือ…คือภาพมายา เมื่อเราปลดตัวเองออกจากพันธนาการเหล่านั้นคุณจะมองเห็นโลกที่วุ่นวายสับสน โลกที่เราตกเป็นทาสของเทคโนโลยีที่เราสร้างขึ้นมา โลกที่ข้อมูลถูกขายให้นายทุนกระหายเงิน โลก…ที่คนสนใจแต่ตัวเอง หลงตัวเอง เห็นแต่ประโยชน์ของตัวเอง โลกที่เราแชร์เรื่องเจ๋งๆ ของตัวเองแต่ลืมใส่ความรู้สึกจริงๆ ของเรา เรามีความสุขกับสิ่งที่แชร์ จริงอ่ะ? เพราะโลกแห่งความจริงไม่มีใครอยู่ตรงนั้นกับเรา…เวลาที่คุณเหงา เพื่อนจะอยู่กับเรา แต่จะไม่มีใครเหลือ หากคุณคิดว่า group message กันก็ได้นี่!

เราตัดต่อเรื่อง เขียนให้มันเว่อร์ เพื่อหวังให้คนบอกเออเอ็งเจ๋ง! เราแสร้งไม่รู้ว่าเรานี่คือความโดดเดี่ยวทางสังคม เราตกแต่งช้อความจนชีวิตสุดจะพราว แต่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครฟังอยู่หรือเปล่า ผมว่า…ความโดดเดี่ยวไม่มีปัญหา แค่อ่านหนังสือ วาดรูป หรือออกกำลังกาย ก็ถือว่าคุณทำตัวมีประโยชน์ ไม่เก็บตัว และเวลาที่คุณอยู่ในสังคมจริง หากคุณเริ่มรู้สึกเปลี่ยวเหงา ก็จงเอามือออกห่างจากมือถือ คุณไม่จำเป็นต้องจ้องหน้าจอ มองหา contact list หรอก หาใครคุยด้วยสักคนสิ!

ผมทนไม่ได้ละกับความเงียบบนรถไฟ เวลาที่ไม่มีใครพูดกันเพราะกลัวดูว่าประหลาด เรากำลังไม่เข้าสังคมกันจริงๆ นะเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องสนุกแล้วสินะ ที่จะพูดคุยกัน มองตากัน …รู้มั้ย เรากำลังถูกห้อมล้อมด้วยลูกหลานที่โตมากับการมองเห็นพวกเราใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์จนเป็นเรื่องธรรมดา เราคิดว่าเราคงเป็นพ่อที่เจ๋งไม่ได้ถ้าไม่ได้ซื้อไอแพดให้ลูก ตอนผมเป็นเด็ก ผมไม่เคยอยู่ติดบ้านเลย ผมออกไปเล่นกับเกลอแก๊งค์ ปั่นจักรยานตะลอนไปทั่ว จนรองเท้าเป็นรู เข่าก็ถลอกช้ำไปหมด ตอนนี้เหรอ สนามเด็กเล่นเงียบเหงาจนน่าขนลุก ไม่มีเด็กๆ ออกมาเล่น ชิงช้าก็นิ่งตาย ไม่มีเด็กๆ เล่นกระโดด เล่นตังเต ไม่เข้าโบสถ์กันแล้ว นี่เราอยู่ในยุคเขลา มือถือฉลาดล้ำ แต่คนปัญญาน้อยลงแล้ว!

โอม จงเงย…ปิดมือถือซะ  มองไปรอบๆ ใช้ชีวิตให้สุด แค่การเชื่อมสัมพันธ์แบบจริงๆ กับใครสักคน…สักครั้ง อาจเปลี่ยนชีวิตคุณไปทั้งชีวิต เพราะเธออยู่ที่นั่น…ที่ที่คุณจะจดจำไปตลอดชีวิต เพราะคือรักแรกพบ คุณจะจดจำช่วงเวลาที่เธอคนนั้นกุมมือคุณ ช่วงเวลาที่เธอจูบคุณ ช่วงเวลาที่เหวี่ยงใส่แต่ก็ยังเลิฟกันดี ช่วงเวลาที่คุณไม่ต้องโพสต์บอกใครว่าคุณทำอะไร เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่คุณอยากจะแชร์กับคนที่รักเพียงคนเดียว ช่วงเวลาที่คุณอยากจะขายต่อคอมพิวเตอร์แล้วซื้อแหวนให้หญิงสาวในฝัน ที่วันนี้เธอมีอยู่จริง… ช่วงเวลาที่คุณอยากเริ่มชีวิตครอบครัว และมีเจ้าหญิงตัวน้อยที่ทำให้คุณตกหลุมรักได้อีกครั้ง ช่วงเวลาที่เธอจะปั่นหัวคุณตอนนอน ช่วงเวลาที่คุณต้องปาดน้ำตาเมื่อเธอมีครอบครัวของเธอเอง ช่วงเวลาที่เจ้าหญิงน้อยของคุณมีหลานชายให้คุณจูงมือ และเวลาที่เขาเรียกคุณว่า คุณตา จนรู้ตัวว่าคุณแก่แล้วนี่

ช่วงเวลาที่คุณได้มันทั้งหมดเมื่อคุณให้ความสำคัญกับชีวิต คุณจะรู้สึกยินดีที่คุณไม่ได้เสียมันไปกับการก้มหน้าก้มตา เวลาที่คุณกุมมือภรรยา นั่งลงข้างเตียงเธอ คุณบอกเธอว่า…คุณรักเธอ แล้วบรรจงจุมพิตที่หน้าผาก แล้วเธอก็กระซิบแผ่วเบา ด้วยลมหายใจสุดท้าย ว่าเธอโชคดีแค่ไหนที่เธอได้พบผู้ชายหลงทางคนหนึ่งบนถนน… แต่ช่วงเวลาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย หากวันนั้นคุณมัวแต่ก้ม งมกับมือถือ แล้วพลาดมันไป

โอม จงเงย… ปิดมือถือซะ เรามีตัวเลขจำกัด จำนวนวันที่เราใช้ชีวิตนั่นไง! อย่าเสียเวลากับสิ่งที่หน่วงเหนี่ยวเราไว้ เพราะเมื่อถึงวันสุดท้ายไม่มีอะไรแย่ไปกว่าความรู้สึกเสียใจเพราะเสียดาย

ผมรู้สึกผิดที่ผมเอาคลิปมาเอี่ยวกับพันธนาการนี้ …ดิจิตอล คือโลกที่เราได้ยินแต่มองไม่เห็น ได้แต่พิมพ์ คุย แชท เสียเวลาเป็นชั่วโมง แต่ไม่ได้สบตากันเลย ดังนั้น อย่าใช้ชีวิตไปตามมัน …จงให้ความรัก (Love) ไม่ใช่ให้ไลค์ (Like) ปลดล็อคชีวิตที่ติดอยู่กับความอยากเป็นที่ต้องการ อยากมีตัวตน… ออกสู่โลกกว้าง วางมือถือทิ้งไว้ โอม…จงเงย ปิดมือถือซะ แล้วเลิกดูคลิปนี้ ออกมาใช้ชีวิตจริงๆ ซะที

…ก่อนที่จะพลาดช่วงเวลาที่ดีในชีวิตไปมากกว่านี้

[youtube url=”http://youtu.be/Z7dLU6fk9QY” width=”600″ height=”350″]

อ้างอิง : Time