สถาปัตยกรรมบนโลกใบนี้แตกต่างกันตามสภาพภูมิอากาศตามสภาพร้อน หนาว ฝน มนุษย์จึงสร้างสถาปัตยกรรมให้สอดคล้องไปตามถิ่นที่ เราจึงเห็นความสวยงามมาจากความแตกต่างในเมืองริมทะเลทาดจูรา สาธารณรัฐจิบูตี ทวีปแอฟริกาตะวันออก สถาปนิก Urko Sanchez Architects จากเสปนได้พบความงามนั้นและนำมา ปรับใช้สู่งานออกแบบร่วมสมัย
จิบูตีเป็นประเทศที่มีสภาพอากาศร้อนแห้งแล้งแบบทะเลทรายและยังขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ในเมืองร้อนที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในเมืองที่มีวัฒนธรรมมุสลิมผสมฝรั่งเศสจากการล่าอาณานิคม การออกแบบจึงเป็นการผสมจากหลายวิธีในการแก้ปัญหาให้สถาปัตยกรรมที่เกิดขึ้นเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม โปรแกรมเป็นการออกแบบ้านสำหรับองค์กรเด็ก SOS Children’s Village มีบ้านจำนวน 15 หลัง สิ่งที่สถาปนิกคำนึงถึงคือการสร้างความปลอดภัยพร้อมไปกับการอยู่สบายในอากาศร้อน ประเด็นการสร้างความปลอดภัย สถาปนิกใช้วิธีปิดเพื่อเปิด ปิดด้วยการใช้องค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมเช่นกำแพง ผนัง ปิดตัวเองจากสภาพภายนอก แล้วจึงเปิดพื้นที่ภายในทั้งส่วนสาธารณะ กึ่งสาธารณะ ให้รับแสงจากท้องฟ้าไปพร้อมกับการระบายอากาศแบบสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นในแอฟริกา
ประเด็นการอยู่สบายได้ออกแบบโดยให้ทางเดินขนาดเล็กเป็นตัวเชื่อมแต่ละพื้นที่เข้าหากัน พร้อมเติมคอร์ตเป็นระยะ คอร์ตและทางเดินเหล่านี้เป็นพื้นที่รวมกิจกรรมกลางแจ้งเข้าหากัน ให้เด็กๆ สามารถมารวมตัวกันเล่นได้ การใช้ทางเดินที่มีผนังสูงสามารถเกิดเงาตามทางเดินต่างๆ ทำให้เกิดร่มเงาสร้างบรรยากาศที่ดีได้ นอกจากนี้ยังออกแบบปล่องระบายอากาศที่สามารถรับแสงไปพร้อมกับระบายอากาศในบ้านด้วยวิธีง่ายๆ
เมื่อเข้าใจความงามที่แตกต่าง จะสร้างสถาปัตยกรรมที่งามตามจริตของถิ่นที่ มากกว่าที่จะผลิตซ้ำแต่รูปแบบที่นิยมว่าทันสมัยแต่ใช้งานไม่เหมาะกับถิ่นนั้น
[vimeo url=”http://vimeo.com/135959412″ width=”600″ height=”350″]
อ้างอิง: archdaily, TrendLand, SOS Children Village, Urko Sanchez