ขึ้นชื่อว่าเป็นศิลปินสุดฉาวและเป็นที่จับตามองมากคนหนึ่งของโลก กระทั่งได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร ArtReview ของอังกฤษให้เป็นหนึ่งใน 100 ศิลปินที่ทรงพลังที่สุดประจำปี 2011 ในฐานะศิลปินจอมแฉเรื่องฉาวๆ เอ๊ย เรื่องจริงของรัฐบาลที่ประชาชนรวมถึงสื่อต่างชาติควรได้รับรู้ เขาจึงกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากับทางการจีนไปโดยปริยาย อ้าย เหวย เหว่ย เป็นทั้งศิลปินและนักเคลื่อนไหวทางสังคมการเมือง ที่ก้าวผ่านขอบเขตการทำงานเพียงแค่ในแกลเลอรี่ โดยใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมอย่างเผ็ดร้อน และเคยถูกรัฐบาลจีนจับเข้าห้องขัง 81 วันจาก ‘คดีความทางเศรษฐกิจ’
แม้จะกลายเป็นศิลปินต้องห้ามในจีน แต่ในขณะเดียวกันโปรเจ๊กต์ล่าสุดของเขา ‘Baby Formula 2013’ ก็ได้มีโอกาสจัดแสดงที่ฮ่องกงและสิงคโปร์ โดยตั้งเป้าโจมตีกรณีสารปนเปื้อนในนมที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2551 ซึ่งนมผงสำหรับทารก ตลอดจนวัตถุดิบประกอบอาหาร และส่วนประกอบอื่นๆ ได้รับการเจือปนสารเมลามีน โดยมีเหยื่อที่ได้รับผลกระทบอย่างน้อย 300,000 คน ทารก 6 คนเสียชีวิตและทารกอีกกว่า 860 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ปัญหาดังกล่าวยังเชื่อมโยงกับการคอร์รัปชั่นในจีนแผ่นดินใหญ่ และส่งกระทบอย่างรุนแรงต่อสินค้าส่งออก สร้างความอัยอายขายหน้าและแสดงให้เห็นถึงความไม่รับผิดชอบของรัฐบาลจีน ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางอาหารที่ใหญ่ที่สุดในหลายปีที่ผ่านมา และเป็นวิกฤตความเชื่อมั่นในหมู่ผู้บริโภคชาวจีนที่ยากจะเรียกกลับคืน
และ อ้าย เหวย เหว่ย ได้นำเสนอเสนอเหตุการณ์ที่ว่านี้ในรูปแบบ installation โดยใช้กระป๋องนม 1,800 กระป๋อง นำมาต่อเป็นรูปแผนที่ประเทศจีน ด้วยการแบ่งสีแบ่งโซน เพื่อให้เห็นภาพได้ย่างชัดเจน การสื่อสารที่ตรงไปตรงมาแต่สร้างสรรค์ในสไตล์ของเขานี้ ตอกย้ำให้เราไม่อาจลืมโศกนาฎกรรมที่แพร่ขยายไปทั่วประเทศจีนได้เลย แน่นอนว่า อ้าย เหวย เหว่ย เป็นศิลปินประเภท ‘กัดไม่ปล่อย’ และยืนหยัดต่อสู้ในสื่งที่ตนเชื่อแบบไม่กลัวใครหน้าไหนทีเดียว