ด้วยจำนวนประชากรโลกที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อการบริโภคอาหารที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว อุตสาหกรรมการเกษตรจึงจำเป็นเร่งสร้างวัตถุดิบต่างๆ เพื่อให้เพียงพอต่อประชากรโลก แต่ในบางครั้งวัตถุดิบเหล่านี้กลับมีออกมามากจนเกินไป หรือกระจุกตัวอยู่เพียงแค่ไม่กี่ประเทศที่เจริญแล้ว เมื่อวัตถุดิบเหล่านั้นไม่เป็นที่สนใจใยดีเพราะมันมีมากเกินไป ใกล้หมดอายุ และไม่สอดคล้องกับกระแสการบริโภคในช่วงนั้น จนกลายเป็นอาหารขยะซึ่งจำเป็นที่จะต้องทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย
เมื่อมีช่องว่างตรงนี้ Sophie Sales ผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมอาหารและซุปเปอร์มาเก็ต จึงเกิดไอเดียว่าควรนำวัตถุดิบที่ใช้ปรุงอาหารเหล่านั้น (ซึ่งไหนๆ ก็จะถูกทิ้งอยู่แล้ว) มาเป็นวัตถุดิบหลักในร้านอาหารที่เธอกับเพื่อนๆ ช่วยกันทำขึ้นมาในชื่อ Rub & Stub ในเมืองโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก โดยทำสัญญากับซูเปอร์มาเก็ตให้จัดส่งวัตดุดิบต่างๆ ทั้งผัก ผลไม้ นม เนย ฯลฯ ที่ทางซุปเปอร์มาเก็ตจะทิ้งเพราะใกล้หมดอายุ มีตำหนิ หรือมีมากเกินไป ส่งให้กับทางร้านเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารเสริฟให้กับลูกค้า
Rub & Stub วางตัวเองเป็นร้านอาหารไม่แสวงผลกำไร หรือมีรายได้พอประมาณที่ไม่เอาเปรียบผู้บริโภคจนเกินไป เป็นส่วนหนึ่งของสมาคม Retro Association นำรายได้ไปใช้พัฒนาโครงการด้านมนุษยธรรมต่างๆ ความน่าสนใจของ Rub & Stub นอกจากการนำวัตดุดิบเหลือๆ มาปรุงอาหารแล้ว ยังต้องมีการคิดเมนูใหม่ๆ ทุกวันเพราะไม่รู้ว่าวันนี้จะได้วัตถุดิบอะไรมาบ้าง จึงได้ในแง่ความสด แปลกใหม่ รวมทั้งพนักงานภายในร้านอาหารก็เป็นอาสาสมัครกว่า 100 คนที่หมุนเวียนกันมาช่วยทำงาน โดยไม่ได้รับค่าจ้าง มีเพียงแค่เชฟกับผู้จัดการร้านเท่านั้นที่มีค่าจ้าง ซึ่ง Rub & Stub จะนำรายได้ที่ขายอาหารไปมอบให้องค์กร NGO ที่ทำงานพัฒนาสังคมในแอฟริกาต่อไป
เรียกได้ว่า Rub & Stub ถือเป็นอีกโมเดลตัวอย่างในการทำธุรกิจที่มองถึงความยั่งยืนของอุตสาหกรรมการเกษตรที่ผลิตวัตถุดิบมากจนเกินไป พร้อมกับช่วยลดขยะอาหารล้นโลก ผ่านกระบวนการรีไซเคิลในรูปแบบใหม่ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง และอาจเป็นเทรนด์ร้านอาหารในอนาคตก็เป็นได้
อ้างอิง : spisrubogstub