เปลี่ยนโลกมืดให้สว่างไสวกับ The Lightie™ หลอดไฟในขวดน้ำอัดลม

คุณทราบหรือไม่ว่า
ทุกวัน …ประชากรกว่า 2 พันล้านคนต้องอาศัยอยู่ในความมืดยามเมื่ออาทิตย์ตก
ทุกปี …ประชากรกว่า 2 ล้านคนเสียชีวิตจากการใช้ตะเกียงน้ำมันพาราฟิน

และกว่า 25% ของรายได้ของพวกเขาถูกใช้ไปกับน้ำมันพาราฟินที่อันตรายต่อชีวิตเพื่อแลกกับแสงไฟแค่ 1 ชั่วโมงต่อวัน เป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 1.15 ล้านล้านบาทที่คนทั่วโลกต้องสูญเสียไปกับแหล่งพลังงานไร้คุณภาพทำลายชีวิต แถมยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศถึง 190 ล้านตันต่อปี

ดังนั้นกระบวนค้นหาแหล่งพลังงานทางเลือกเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตจึงกลายเป็นหัวข้อที่องค์กรต่างๆให้ความสนใจ เฉกเช่นเดียวกับ Michael Suttner หนุ่มวัยเพียง 27 ปีที่มุ่งมั่นท้าทายการทำงานของตนเองด้วยการหาหนทางในการแก้ปัญหาในระดับมหภาคที่ทุกคนเผชิญอยู่บนโลกใบนี้ เขาคิดค้น The Lightie™ โคมไฟพลังงานแสงอาทิตย์ที่สามารถเชื่อมต่อกับขวดน้ำอัดลมขนาดลิตรที่กระจายอยู่ทั่วโลก (มาตราฐานของฝาจะเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 22 มิลลิเมตร) โดยแหล่งกำเนิดไฟมีรูปร่างคล้ายกับหลอดทดลองทำจากพลาสติกอะคริลิค ภายในหลอดไฟบรรจุแผงโซล่าร์เซลล์แบบอ่อนที่สามารถดัดโค้งสอดเข้าไปภายในหลอดพลาสติกได้ ใช้เวลาเพียงแค่ 8 ชั่วโมงในการชาร์ทพลังงานกับแบตเตอรี่ ลิเธียม กับการใช้งานที่ยาวนานถึง 40 ชั่วโมง (ในกรณีที่ตั้งค่าแสงไฟต่ำ) แสงไฟที่ได้มีความสว่างมากถึง 12 เท่าเมื่อเทียบกับตะเกียงน้ำมันพาราฟินแบเดิม และที่สำคัญ The Lightie™ ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ และไม่ก่ออันตรายใดๆ ต่อสุขภาพกับการใช้งานภายในบ้าน ส่วนราคาของ The Lightie™ อยู่ที่ประมาณ 320 บาท ราคาเบากระเป๋าที่มาทดแทนตะเกียงน้ำมันพาราฟินแบบเก่าได้อย่างง่ายดาย

จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าในปี 2013 The Lightie™ คว้ารางวัลระดับโลกมามากมาย อาทิ รางวัลชนะเลิศด้านนวัตกรรมจาก 2013 ABSA/Design Indaba ที่สามารถแก้ไขปัญหาชาวแอฟริกาใต้ได้, รางวัลชนะเลิศ 2013 CLIPDC Lions Den Challenge ที่สามารถแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างยั่งยืนให้กับชาวแอฟริกาใต้, 2013 Green Awards/Innovation Hub กับแนวคิดในการใช้เทคโนโลยีสะอาดในการสร้างผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิดงานออกแบบอย่างยั่งยืน, รางวัลชนะเลิศจาก 2013 TIA/SASOL Step-Up Innovation Competition และ 2013 FNB Ideas Can Help Competion เป็นต้น และนี่คืออีกหนึ่งแนวคิดที่พลิกชีวิตชาวแอฟริกาใต้และคนทั่วโลกบางพื้นที่ที่ต้องเผชิญกับความมืด ให้สามารถเข้าถึงแหล่งพลังงานสะอาดที่นอกจากจะเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นแล้ว ยังไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

อ้างอิง : The Lightie