IKEA จับมือ UN สร้างบ้านผู้ลี้ภัยต้นทุนต่ำ ติดตั้งง่าย ประหยัดพลังงาน

คุณรู้หรือไม่ว่าในแต่ละวัน ประชากรกว่า 23, 000 คน ทั่วโลกต้องละทิ้งบ้านเกิดตัวเอง อันเนื่องมาจากความหวาดกลัวอันตรายจากภัยทางธรรมชาติและภัยคุกคามทางการเมือง และตัวเลขดังกล่าวก็มีทีท่าจะพุ่งสูงมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคือการคิดหาหนทางเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยให้กับประชากรเหล่านี้ ซึ่งสวนทางกับจำนวนศูนย์ผู้อพยพที่มีไม่เพียงพออีกต่อไป ด้วยปัจจัยดังกล่าว สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (United Nations High Commissioner for Refugees: UNHCR) เลยจับมือกับ IKEA Foundation เพื่อร่วมกันพัฒนา Refugee Housing Unit โครงการนี้ขึ้น

จากข้อจำกัดของศูนย์ผู้ลี้ภัยที่ต่างต้องเผชิญกับปัญหาด้านอายุการใช้งานของเต็นท์พักอาศัยที่ทำจากผ้าใบ ซึ่งเป็นวัสดุที่ไม่สามารถต้านทานความผกผันของสภาพดินฟ้าอากาศทั้งจากแดด ลม และฝนได้ดีเพียงพอ จนส่งผลให้ระยะเวลาการใช้งานของมันจำกัดอยู่ได้เพียงแค่ 6 เดือน ขณะที่ช่วงเวลาโดยเฉลี่ยที่ผู้ลี้ภัยต้องอยู่ในศูนย์เหล่านี้กลับกินเวลาขั้นต่ำถึง 12 ปี งานนี้ทีมพัฒนาจึงแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนวัสดุใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่การใช้ผนังโพลิเมอร์ที่มีน้ำหนักเบาลงบนโครงสร้างเหล็ก และหลังคาที่ทำจากอลูมิเนียมซึ่งสามารถลดรังสีตกกระทบจากดวงอาทิตย์ได้ถึง 70% ทำให้ภายในบ้านมีความเย็นในเวลากลางวันและอบอุ่นในเวลาค่ำคืน โดยวัสดุเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มระยะเวลาในการใช้งานจากเดิมเพียงแค่ครึ่งปีไปเป็น 3 ปีเท่านั้น แต่ยังเอื้อต่ออยู่อาศัย การขนส่ง และการติดตั้งมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ทีมออกแบบยังติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์เพิ่มลงไปบนหลังคาเพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับจ่ายให้แก่หลอดไฟและจุดเชื่อมต่อ USB ทดแทนการใช้แสงสว่างจากแสงเทียนและตะเกียง นำระบบ knock down และโมดูร์ล่าร์มาใช้เพื่อให้แต่ละยูนิตเชื่อมต่อเข้าและติดตั้งได้สะดวกขึ้นโดยใช้เวลาแค่เพียง 4 ชั่วโมง กับการกำหนดขนาดมาตรฐานให้อยู่ที่ 17.50 ตารางเมตร ซึ่งใหญ่กว่าเต็นท์ทั่วไป 2 เท่า โดยสามารถรองรับจำนวนผู้อยู่อาศัย 5 คน ได้อย่างสบายๆ

ตอนนี้ Refugee Housing Unit เริ่มทยอยส่งไปใช้จริงในศูนย์อพยพหลายๆ แห่ง ทั้งศูนย์อพยพชาวโซมาเรียในแคมป์ Dollo Ado ประเทศเอธิโอเปีย ศูนย์พักพิงในอิรักและเลบานอนเพื่อวัดความสามารถในการใช้งานกันอยู่ และถ้าไม่ผิดพลาดอะไร ก็คงจะมีการกระจายไปใช้ทั่วโลกในปีสองปีนี้

แน่นอนว่า Refugee Housing Unit ถือได้ว่าเป็นโครงการที่สามารถหยิบเอาทักษะด้านออกแบบมาช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบภาพลักษณ์ที่สวยงาม การเลือกวัสดุที่เอื้อต่อทุกสภาพอากาศ การออกแบบให้มีประโยชน์ใช้สอยที่คำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นหลัก แล้วก็มีราคาที่สมเหตุสมผล (IKEA บอกว่า ถ้าผลิตจำนวนมาก ต้นทุนจะอยู่ที่ราว 1,000 USD หรือประมาณ 30,000 หมื่นบาทเศษ) แถมปรัชญาด้านออกแบบของ IKEA ที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้และต้องเป็นงานที่สามารถเข้ากันได้กับสภาพแวดล้อมก็ยังถูกรักษาไว้ได้อย่างไม่ตกหล่น ขณะที่ UNHCR เองก็สามารถบรรลุเป้าหมายของตัวเองได้ในเวลาเดียวกัน แต่เราก็หวังอยู่ลึกๆ ว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะได้กลับบ้านด้วยความรู้สึกที่เป็นสุขและปลอดภัยในสักวัน

[youtube url=”http://www.youtube.com/watch?v=Ect-FwtK-84″ width=”600″ height=”340″]

 


อ้างอิง: Ikea Foundation