‘Cheer Me On’ ส่งกำลังใจให้เพื่อนนักวิ่งมาราธอนผ่านดิจิตอลบิลบอร์ด

ตอนที่เขียนต้นฉบับนี้ผมเพิ่งเสร็จสิ้นการแข่งขัน ‘กรุงเทพฯ มาราธอน’ รายการใหญ่ของประเทศมาหมาดๆ พบว่ามีผู้เข้าร่วมวิ่งมากมาย ตั้งแต่วัยครอบครัวยันเด็กเล็กๆ แต่ที่น่าสังเกตคือเริ่มมีวัยรุ่นมาร่วมวิ่งด้วยเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมือใหม่หน้าใหม่ ไม่เว้นแม้แต่ผมด้วย จนทำให้ปีนี้คนมาเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ คนที่มาวิ่งทุกปีบอกว่าเทรนด์การวิ่งมาราธอนกำลังมา พอๆ กับเทรนด์การปั่นจักรยาน หลายแบรนด์จึงเริ่มให้การสนับสนุนการจัดวิ่งแข่งมาราธอน และยังเปิดโอกาสให้มีการวิ่งระยะสั้นอย่าง 4 กิโลเมตร หรือ 10 กิโลเมตร ซึ่งนับเป็นข้อดีที่จะทำให้คนมีทางเลือกในการออกกำลังกายมากขึ้น ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณอิทธิพลของหนังเรื่อง ‘รัก 7 ปี ดี 7 หน’ ในตอนที่นิชคุณกับคุณสู่ขวัญ แสดงเป็นวิ่งแข่งมาราธอน ทำให้คนเริ่มรู้จักการวิ่งมาราธอน และรู้ว่าการเริ่มวิ่งมาราธอนสามารถทำได้โดยไม่ยากนัก

การวิ่งมาราธอนในสมัยนี้เริ่มเอาเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น อย่างรายการ TMB Park Run 2012 ที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มใช้เทคโนโลยี RFID เครื่องรับส่งคลื่นวิทยุระยะสั้นมาผูกติดกับรองเท้าของนักวิ่ง ทำให้สามารถบันทึกระยะและเวลาการวิ่งเมื่อนักวิ่งผ่านบริเวณจุดที่บันทึก ซึ่งก็คล้ายๆ กับระบบ personalized device ต่างๆ ของ NIKE+ หรือ miCoach ที่ทำให้เราเก็บบันทึกข้อมูลการวิ่งส่วนตัวของเรา ไม่ว่าจะเป็นระยะทางหรือเวลาที่ใช้ ซึ่งการใช้ระบบ RFID นี้เองที่ประเทศฮังการีในรายการ Budapest HalfMarathon NIKE ได้ดัดแปลงนำเทคโนโลยี RFID นี้มาต่อยอด แทนที่จะบันทึกแค่การข้อมูลส่วนตัว ก็นำมาใช้เพื่อส่งกำลังใจให้กับนักวิ่ง เพราะนักวิ่งหน้าใหม่มักต้องสู้กับตัวเองขณะวิ่ง ทุกก้าวที่วิ่งออกไปเต็มไปด้วยความอดทนและอยู่กับตัวเอง บางครั้งก็เหนื่อยจนอยากหยุดวิ่ง ต่างจากนักวิ่งที่วิ่งมาระดับหนึ่งแล้วสมาธิจะนิ่งและมีความมุ่งมั่นในการวิ่งมากกว่า ในมุมนี้เอง NIKE มองว่า ถ้าหากนักวิ่งหน้าใหม่ได้กำลังใจจากเพื่อนๆ ใน Social Network ก็จะทำให้มีกำลังใจที่จะวิ่งมากขึ้น วิธีการที่ NIKE นำเสนอก็คือ แค่ให้นักวิ่งลงทะเบียนบน Facebook Application ที่ชื่อ Nike Cheer Me On ในวันก่อนจะมาออกวิ่ง แล้วส่งเสียงบนดิจิตอลบอกให้เพื่อนมาช่วยให้กำลังใจกัน เพื่อนๆ ก็จะเข้ามาเขียนเชียร์ไว้ จากนั้นในวันแข่ง เมื่อนักวิ่งที่มีชิพ RFID ติดที่รองเท้าและลงทะเบียนไว้แล้ว วิ่งไปถึงจุดที่ได้เตรียม LED บิลบอร์ดไว้รอก็จะปรากฏคำพูดหรือรูปภาพที่เพื่อนของนักวิ่งแต่ละคนมอบให้ไว้เพื่อเป็นกำลังใจ คล้ายกับเชียร์อยู่ข้างสนาม

งานนี้จึงเป็นการใช้เทคโนโลยีมาซื้อใจนักวิ่งกันเต็มๆ เพราะขณะที่วิ่งเหนื่อยเต็มที่ เราก็จะยิ้มกว้างออกมาเมื่อมองขึ้นไปบนบิลบอร์ดแล้วเห็นข้อความกำลังใจที่ส่งมาให้เฉพาะเรา ซึ่งมันก็จะกลายเป็นกำลังกายให้เราวิ่งต่อไปได้อีก แถมยังตรงกับแบรนด์ ที่พอเหลือบไปข้างๆ ก็จะเห็นเครื่องหมาย Swoosh ของ NIKE ที่ทำให้รำลึกถึงคำว่า ‘Just do it’ หรือบอกเป็นนัยให้กับเราว่า เราก็ยังวิ่งต่อไปได้นี่นา

[vimeo url=”http://vimeo.com/50607377″ width=”600″]

 

ภาพสุดท้ายเป็นบรรยากาศงาน ‘กรุงเทพฯ มาราธอน’ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2555 ที่จุดสตาร์ทนักวิ่งคับคั่ง

อ้างอิง: futas, DigitalAnalog