สมัยที่เราเป็นเด็ก ใครเคยไล่จับตั๊กแตน ผีเสื้อ แมลงปอ หรือกบบ้าง ยกมือขึ้น มาตอนนี้ที่เราเติบโตขึ้นแล้วมีครอบครัว เราสนับสนุนให้ลูกหลานได้ออกไปสัมผัสธรรมชาติเหมือนครั้งที่เราเป็นเด็กหรือเปล่า เรามัวแต่อ้างว่าไม่มีเวลา แล้วปล่อยให้ลูกหลาน รวมทั้งตัวเราเอง กดโทรศัพท์ เล่นเกมคอมพิวเตอร์ กันตลอด 24 ชั่วโมงใช่หรือเปล่า ถึงเวลาแล้วที่คุณขายธรรมชาติให้แก่กันและกัน แก่คนทุกวัย ได้ทั่วโลก ขายง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้งบโฆษณาพันล้าน เพียงแค่อย่าทอดทิ้งธรรมชาติ แล้วสนับสนุนโครงการ Project Wild Thing นี้ง่ายๆ ในครอบครัวของคุณเอง
Project Wild Thing เกิดขึ้นจากความคิดของคุณพ่อลูกสองในประเทศอังกฤษ ชื่อ David Bond ที่ค้นพบข้อมูลจากประสบการณ์ตรงและ UNICEF ที่ว่าเด็กรุ่นใหม่ใช้เวลานอกบ้านวิ่งเล่นในธรรมชาติน้อยกว่าเวลาที่ใช้ไปในการเล่นเกมจากของเล่นพลาสติกที่เลียนแบบสัตว์ในธรรมชาติ เกมคอมพิวเตอร์ และดูทีวี ทั้งๆ ที่เด็กๆ ไม่ได้รังเกียจธรรมชาติ แต่การเลี้ยงดูที่ถูกประคบประหงมให้อยู่แต่ในบ้าน พร้อมความสะดวกสบายและความเคยชิน ทำให้เด็กๆ เลือกที่จะไม่ออกไปสัมผัสธรรมชาติ David เป็นคนทำหนัง และเกิดไอเดียที่น่าประทับใจว่า ทำไมเราทำการตลาดขายสินค้าแพงๆ มากมาย แต่เราขายธรรมชาติกลับสู่มนุษย์ทุกคนได้ง่ายๆ ไม่ต้องใช้เงินมหาศาล ทำไมไม่มีใครตั้งใจร่วมมือกันทำอย่างจริงจัง David เดินทางไปในหลายประเทศเพื่อเก็บข้อมูลและค้นพบว่า เด็กทั่วโลกจำชื่อยี่ห้อสินค้าแบรนด์เนมได้มากกว่าสิบชนิด ทั้งที่บางชิ้นไม่มีขายในประเทศนั้นด้วยซ้ำ แต่กลับจำชื่อสัตว์ได้น้อยกว่าสิบชนิด ถ้าพวกเขาไม่รู้จัก ไม่เคยจับ ไม่เคยเล่น ไม่เคยกอดธรรมชาติ ต้นไม้ สัตว์และแมลงทั้งหลาย แล้วพวกเขาจะอยากอนุรักษ์สิ่งเหล่านั้นทำไม
สิ่งที่ David ทำน่ายกย่องและต้องการคนอย่างเราช่วยสนับสนุน เพราะเด็กไทยกำลังหลงเพลิดเพลินไปกับการใช้โทรศัพท์ และคอมพิวเตอร์จนน่าตกใจ เรามาร่วมขายธรรมชาติกลับสู่มนุษย์ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเด็กๆ ร่วมกันตั้งแต่วันนี้ และเดี๋ยวนี้ ก่อนที่เราจะไม่มีต้นไม้ให้กอด ไม่มีแม้แต่ดอกไม้ให้ชื่นชม
[vimeo url=”http://vimeo.com/68072823″ width=”600″ height=”340″]
อ้างอิง: Project Wild Thing