Tactile Picture Book นิทานสำหรับเด็กตาบอดจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ
คำกล่าวที่ว่า “ภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดนับพันคำ” นั้นเป็นจริงเสมอ แต่ใช้ได้เฉพาะกับคนทั่วไปที่ไม่ได้บกพร่องทางสายตา สำหรับเด็กตาบอด คำกล่าวข้างต้นแทบไม่มีความหมายอะไรเลย
คำกล่าวที่ว่า “ภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดนับพันคำ” นั้นเป็นจริงเสมอ แต่ใช้ได้เฉพาะกับคนทั่วไปที่ไม่ได้บกพร่องทางสายตา สำหรับเด็กตาบอด คำกล่าวข้างต้นแทบไม่มีความหมายอะไรเลย
ครั้งหนึ่ง Mark Twain เคยกล่าวไว้ว่า “ความเอื้ออารีคือภาษาที่คนหูหนวกได้ยินและคนตาบอดมองเห็น” และความเอื้ออารีแบบเดียวกันนี้แหละคือสิ่งที่เราสัมผัสได้จาก จูน – เมธาวี ทัศนาเสถียรกิจ
เดี๋ยวนี้ไม่เพียงแต่คนปกติอย่างเราๆ เท่านั้นที่มีแอพฯ บนมือถือใช้เพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ ผู้พิการก็มีแอพฯ ที่ใช้เพื่อคอยช่วยเหลือพวกเขาเช่นกัน อาทิแอพฯ ที่ช่วยเหลือด้านการได้ยินหรือ
การตรวจครรภ์ด้วยระบบอัลตร้าซาวด์กลายเป็นสิ่งจำเป็นของคุณแม่ในวัยตั้งครรภ์ จุดประสงค์หลักก็เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของเด็กภายในครรภ์ว่าหัวใจเต้นปกติหรือไม่ ร่างกาย
ทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือประเภทสมาร์ทโฟนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตของคนยุคใหม่ไปแล้ว หากจะเปรียบเป็นปัจจัยที่ 5 ของคนยุคใหม่ก็คงจะไม่ผิด ด้วยความที่มันเป็นอุปกรณ์สื่อสาร
หลายคนคงจะรู้จักกับชื่อ‘รูบิค’ เป็นอย่างดี ‘รูบิค’เป็นของเล่นลับสมอง ที่ถูกคิดค้นขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ 1974 โดยประติมากรชาวฮังการี และได้แพร่หลายจนเป็นที่นิยมทั่วโลกในเวลาต่อมา รูบิคเป็น
จุดเริ่มต้นของ ‘กล่องดินสอ’ กลุ่มคนทำงานกลุ่มเล็กๆ ที่มีความเชื่อว่า ‘เด็กพิการทางสายตาอาจไม่สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากการมองเห็น แต่ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะพิการทางความคิดหรือไร้ซึ่งจินตนาการ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่จะเป็นพลเมืองอาสาสมัครได้นั้น นอกจากใจที่พร้อมต้องการช่วยเหลือสังคมอย่างแน่วแน่แล้ว เรายังต้องการการเสียสละด้านเวลาเพื่อออกมาทำงานอาสาสมัครได้อย่างที่ตัวเองต้องการ
สำหรับคนที่มีโอกาสมองเห็น การจะหยิบจับอุปกรณ์หรือสิ่งรอบข้างมาขีดเขียนวาดภาพดูจะเป็นเรื่องที่ง่าย ไม่ว่าจะนำดินสอวาดรูปลงบนกระดาษ หยิบถ่านวาดลงบนพื้น หรือยื่นนิ้วขีดเส้นลงบนหาดทรายก็สามารถ
ถ้าสมมติว่าวันหนึ่งเรากลายเป็นคนตาบอด เราจะใช้ชีวิตอย่างไร? คำถามนี้อาจจะเกินที่เราจินตนาการได้ว่าการที่เราจะต้องใช้ชีวิตตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน ตั้งแต่ออกจากบ้านจนถึงกลับมาบ้าน